กฎจราจรเบื้องต้น ที่ควรรู้

กฎจราจรเบื้องต้น ที่ควรรู้ : ทุกวันนี้รถบนท้องถนนเมืองไทยได้เพิ่มขึ้นมากกว่าในอดีต เนื่องจากความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัวในการใช้รถ และยังเทคโนโลยีที่ทำให้ราคารถต่ำลง เมื่อจำนวนรถเพิ่มขึ้นมาก กฎจราจรจึงมีความสำคัญในการจัดระเบียบรถบนท้องถนนมากขึ้น  ผู้ขับขี่จึงควรความรู้ในกฎจราจร เพื่อสามารถปฏิบัติตามกฎจราจร และเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

รถบัสรับส่งพนักงาน
รถบัสรับส่งพนักงาน

กฎจราจรเบื้องต้นที่ควรรู้ และผู้ขับขี่มักจะมองข้าม มีอะไรบ้างดังนี้

1. การไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

ข้อนี้คนมักมองข้ามบ่อยครั้ง เนื่องจากไม่เห็นถึงความสำคัญของการคาดเข็มขัดนิรภัย แต่รู้หรือไม่ว่าการคาดขัดเข็มนิรภัยนั้นสามารถ ลดผลกระทบในอุบัติเหตุได้ถึงกว่า 40% เลยทีเดียว ในรถยนต์รุ่นใหม่บางรุ่นก็มีสัญญาณเตือนดังให้คาดเข็มขัดนิรภัยก็ถือเป็นนวัตกรรมที่ดีอย่างหนึ่ง ซึ่งหากฝ่าฝืนไม่คาดเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งมี โทษปรับไม่เกิน 500 บาท

 

2. การเลี้ยวโดยไม่เปิดสัญญาณเลี้ยวรถ

การเลี้ยวโดยไม่เปิดสัญญาณเลี้ยวนี้รวมถึงการเปลียนเลน หรือเปลี่ยนช่องจราจร กฎจราจรนั้นกำหนดให้เปิดสัญญาณเพื่อส่งสัญญาณเตือนก่อนจะเลี้ยวหรือเปลี่ยนช่องทาง การให้สัญญาณนี้ยังช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุในกรณีเลี้ยวแบบฉับพลันได้ ซึ่งหากฝ่าฝืนการเปิดไฟเลี้ยวนั้นก็มีโทาปรับไม่เกิน 500 บาท

 

3. การจอดรถขีดขวางการจราจร

การจอดขีดขวางทางนั้นพบได้ทั่วไปบนท้องถนน ซึ่งทำให้รถคันอื่นไม่สามารถเข้าออกได้ แบบนี้มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

 

4. การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด

ข้อนี้มีผู้ละเมิดกฎค่อนข้างมาก ซึ่งปัจจุบันในถนนบางแห่งจะมีกล้องตรวจจับความเร็วถ่ายรูปรถ ทะเบียน ส่งตรงค่าปรับถึงที่บ้าน ความเร็วที่กฎหมายกำหนดคือ ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อช่วงโมงนอกเขตเทศบาล และ ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเขตเทศบาล โทษของการละเมิดข้อนี้นั้นคือ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท

 

5. การขับรถช้าแต่อยู่ช่องทางขวา 

ช่องทางขวานั้นเป็นเลนสำหรับรถที่วิ่งเร็ว แต่หากรถใดที่ขับช้าแต่ิ่งช่องทางขวา ซึ่งทำให้รถที่มีความเร็วต้องแซงซ้ายจึงสามารถขับผ่านไปได้ ผู้ที่ขับช้าในช่องทางเร็วนั้นมีโทษขับขี่กีดขวางทางจราจรมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท

 

การขับขี่ปลอดภัยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

เป่าแอลกอฮอล

เป่าแอลกอฮอลปัจจุบันจำนวนรถได้เพิ่มขึ้นมาก การจราจรคับคั่งทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุเชิงป้องกัน เราจึงควรให้ความสำคัญกับหลักการขับขี่ปลอดภัย

หลักการ การขับขี่ปลอดภัย

  1. การคาดเข็มขัดนิรภัย เป็นเรื่องที่ทุกคนทราบแต่บางครั้งก็อาจจะเผลอลืมกันไป การคาดเข็มขัดนิรภัยนั้น สามารถลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุทั่วไปได้ 40-50% ลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บสาเหตุได้ 43-65% และลดอัตราการเสียชีวิตได้ 40-60%(ข้อมูลจาก สสส.)
  2. ตรวจสภาพรถ สภาพเบรค สภาพไฟอย่างสม่ำเสมอ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งาน
  3. การให้สัญญาณไฟ ก่อนเปลียนช่องทางทุกครั้ง และต้องมองกระจกทุกครั้งก่อนทำการเปลี่ยนเลน หรือเลี้ยวรถ เพื่อป้องกันจุดบอดของการมองเห็น
  4. ความรู้เรื่องสัญญาณไฟจราจรและการปฏิบัติตามสัญญาณไฟ การเคารพกฎจราจรสามารถช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจจะได้ลงได้
  5. งดการขับสวนทาง ไม่ว่าจะมีรถขับอยู่หรือไม่ เพราะบางครั้งอาจจะมีรถขับมาเร็วและมองไม่เห็นก็เป็นได้
  6. งดการขับขี่บนทางเท้า การขับขี่บนทางเท้านอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อผู้เดินทางเท้าอีกด้วย
  7. ความพร้อมของผู้ขับรถ แม้สภาพรถจะดีเยียมเพียงใด หากผู้ขับไม่สบายหรือ ได้รับยาที่ทำให้ง่วงซึม อันมีผลต่อการขับขี่ ก็สามารถทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นได้
  8. ความเร็วของการขับรถ ไม่ควรเกินกฎหมายกำหนด
  9. ห้ามเสพ สิ่งมึนเมา สิ่่งมึนเมานั้นทำให้การตัดสินใจช้าลง ซึงการตัดสินใจผิดเพียงเสี้ยววินาทีก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
  10. สี่แยก หรือ ทางแยก เมื่อขับผ่านทางแยกควรชะลอความเร็วลง เผื่อรถที่กำลังขับมานั้นมองไม่เห็นรถของเรา หรือสามารถรถในกรณีที่มีรถฝ่าไฟจราจรได้ทันท่วงที
  11. สภาพพื้นผิว ต้องระมัดระวังบริเวณที่ถนน ขรุขระหรือเป็นหลุดเป็นบ่อ ควรชะลอความเร็วลง เพื่อลดความเสี่ยงการพลิกคว่ำ หรือการลื่นถไล

ชะลอความเร็วเมื่อฝนตก เมื่อฝนตกจะทำให้สภาพการมองเห็นลดลง ประกอบกับพื้นถนนที่ลื่น จึงสามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย การขับรถด้วยความเร็วที่ลดลงสามารถลด และเพิ่มความระมัดระวังจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้

มาตราฐานISO9001:2015 – รถรับส่งพนักงาน

มาตราฐาน ISO9001:2015 - รถรับส่งพนักงาน

ISO9001:2015

ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรวิไล และบริษัท สาธิตแอร์บัส จำกัดได้เห็นความสำคัญของความปลอดภัยและการมุ่งเน้นการให้บริการรับส่งพนักงาน ที่ดีจึงได้นำมาตราฐานการจัดการองค์กรISO9001:2015 เป็นกรอบการจัดการองกรค์หลัก ซึ่งครอบคลุมถึง Risk Management และ การวางแผนการบริการเชิงปฎิบัติการ โดยระบุความเสี่ยงในการปฏิบัติงานที่อาจจะเกิดขึ้น วางแนวทางแก้ปัญหา กำหนดมาตราฐาน วางแผนการจัดการเชิงปฏิบัติ แผนการการรับมือการแก้ไข  รวมถึงการตรวจสอบผลที่เกิดขึ้นและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ 

 

 

มาตราฐานความปลอดภัยที่ ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรวิไล และบริษัท สาธิตแอร์บัส จำกัด ดำเนินการครอบคลุมถึงส่วน

 – ความปลอดภัยของตัวรถที่ใช้รับส่งพนักงาน

 – ความปลอดภัยในการขับขี่

 – ความปลอดภัยในการโดยสาร

 – ความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับพนักงานขับรถรับส่ง

 – ความปลอดภัยเชิงป้องกันในกรณี ฉุกเฉิน

 

ความปลอดภัยของตัวรถที่ใช้รับส่งพนักงาน

สภาพรถขับรับส่งนั้นเป็นองค์ประกอบสำคัญของการขับขี่ปลอดภัย ซึ่งทางบริษัทได้ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในสภาพรถอย่างมากคือ บริษัทฯมีทีมงานช่างคอยตรวจสอบสภาพรถ เพื่อซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ก่อนการชำรุด เช่นการตรวจสภาพเครื่องยนต์และตรวจสอบและเปลี่ยนยางรถ

ตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์สม่ำเสมอ

ความปลอดภัยในการขับขี่

ทั้งรถโดยสารปรับอากาศรับส่ง และรถตู้VIPรับส่งของห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรวิไล และบริษัท สาธิตแอร์บัส จำกัดทุกคัน ได้ติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลพื้นฐาน (GSP) ตามลักษณะที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้ เช่น 

  • ต้องสามารถทำงานผ่านระบบเครือข่ายคมนาคม สามารถบันทึกและส่งข้อมูลการเดินทางของรถ ในรูปแบบพิกัดบนพื้นโลก โดยมีการคลาดเคลื่อนในแนวราบไม่เกิน 20 เมตร 
  • สามารถบันทึกความอัตราความเร็วในหน่วยไม่เกินกิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวัดความเร็วของรถได้ในทุก 1 นาที 
  • สามารถบันทึกจำนวนชั่วโมงของผู้ขับรถ โดยมีค่าความละเอียดไม่เกิน 1 นาที
  • สามารถบันทึก วันเวลา และ ชื่อนามสกุลหรือเลขที่ใบอนุญาตผู้ขับรถ ได้
  • GPSต้องมีระบบควบคุมให้ผู้ขับขี่แสดงตนผ่านระบบบ่งชี้ผู้ขับ อาจมีสัญญาณแจ้งเตือนหรือไม่ให้เครื่องยนต์ทำงานหากไม่มีการระบุตัวตน
  • ต้องมีระบบบันทึกข้อมูลการใช้งานของรถ เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
  • GSP สามารถส่งข้อมูลการใช้งานของรถในลักษณะ ที่เป็น Real Time หรือ สามารถส่งข้อมูลไม่น้อยกว่า 1 ครั้งใน 5 นาที

[ข้อมูลจากกรมขนส่งทางบก]

   โดยบริษัทฯ ได้กำหนดมาตราฐานอัตราความเร็วการขับรถไว้ไม่เกิน 90 กม./ชั่วโมง ตามกฎของกรมขนส่งทางบก และได้ตรวจสอบรายงานความเร็วอย่างสม่ำเสมอ ทุกเดือน หากมีรถที่วิ่งเร็วเกินกำหนดก็จะตักเตือน ให้พนักงานรับทราบ

ขับไม่เกิน 90 กม./ชม.

ความปลอดภัยในการโดยสาร

ผู้โดยสารรถรับส่งควรคาดเข็มขัดตลอดการเดินทาง หากผู้โดยการมีอากาศไม่สบาย ไอจาม ควรใช้ผ้าปิดปากระหว่างการโดยสารบนรถ

วิธีป้องกันไวรัสโคโรน่า
ป้องกันไวรัสโคโรน่า

ความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับพนักงานขับรถรับส่ง

   อนึ่งสภาพรถมีความสำคัญในความปลอดภัยแต่หากขาดพนักงานขับรถที่สามารถไว้วางใจได้ความปลอดภัยในการขับขี่คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ทางบริษัทฯได้ให้ความใส่ใจในการ รับสมัครพนักงานขับรถบัสรับส่ง และ พนักงานขับรถตู้รับส่ง โดยมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน

ตรวจสอบระดับแอลกอลฮอล: ตรวจสอบก่อนเริ่มงาน

ทุกวันก่อนบริการ รับส่งพนักงาน ตั้งแต่เช้ามืดก่อนเริ่มงานรอบเช้า และก่อนเริ่มงานรอบเย็นบริษัทมีการตรวจแอลกอฮอล์โดยการเป่าลมหายใจพนักงานทุกคน เพื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ เพื่อทำให้มั่นใจในประสิทธิของร่างกายในการขับขี่

 

ตรวจเช็คสุขภาพและสารเสพย์ติด:

บริษัทฯมีการตรวจสุขภาพประจำปีพนักงานขับรถเพื่อตรวจเช็คโรคติดต่อทางลมหายใจ

และมีการตรวจสอบสารเสพย์ติดพนักงานขับรถรับส่งเดือนละ 2 ครั้งโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

 

ในด้านความรู้: การอบรม

บริษัทฯมีการการอบรมด้านความปลอดภัยให้แก่พนักงานขับรถปีละ 2 ครั้ง เพื่อเพิ่มพูนความรู้เชิงป้องกันในการขับขี่บนท้องถนน

ความปลอดภัยเชิงป้องกันในกรณี ฉุกเฉิน

บริษัทฯ ได้ระบุความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และ วางแนวทางการรับมือหากมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้น เช่น รถเสียขณะให้บริการรับส่ง บริษัทฯได้จัดการให้มีรถและคนขับสำรองเตรียมพร้อมเพื่อถ่ายผู้โดยสารโดยทันที 

 

นอกจากนี้ยังมีการฝึกพนักงานว่าต้องปฏิบัติอย่างไรเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินต่างๆ